ร้านหมาล่าดังย่านเยาวราช เผย คนจีนเข้ามาเปิดร้าน แย่งที่ทำกินคนไทย

ร้านหมาล่าดังย่านเยาวราช เผย คนจีนเข้ามาเปิดร้าน แย่งที่ทำกินคนไทย

ร้านหมาล่าดังย่านเยาวราช ตัดพ้อ คนจีนเข้ามาเปิดร้านเป็นจำนวนมาก แย่งที่ทำกินคนไทย ชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ เพจเฟซบุ๊ก อาม่งหม่าล่า หม้อไฟ ร้านหมาล่าดังย่านเยาวราช ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กตัดพ้อ รู้สึกว่ากฎหมายไม่ยุติธรรม เนื่องจากกฎหมายเอื้อการลงทุนให้ชาวต่างชาติมากกว่า และในปัจจุบันก็มีชาวต่างชาติเข้ามาเปิดร้านในไทยเยอะมาก แย่งที่ทำกินของคนไทย

ทางร้านระบุว่า “ก่อนอื่นเลยขอบคุณมากๆค่ะ และขอพูดในฐานะพลเมืองไทย

แน่นอนว่ารู้สึกไม่ยุติธรรมกับกฏหมายประเทศ ที่เอื้อต่างชาติมากๆ ในฐานะคนที่เคยคลุกคลีกับประเทศจีน ไทยกับจีนเหมือนประเทศพี่น้อง ถือวีซ่าท่องเที่ยว (L) ก็เปิดร้าน ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านนวด ร้านขายอุปกรณ์ ลองมาเดิน เยาวราช-สำเพ็ง ตอนนี้จากเดิมเคยเป็นร้านคนไทย(เชื้อสายจีน) ตอนนี้กลายเป็นร้านคนจีนแท้ๆ(ส่วนใหญ่วีซ่าL)

ถึงจะวีซ่า L ก็เปิดบัญชีธนาคารได้ง่ายๆด้วย

ธุรกิจร้านอาหารในจีน ไม่ต้องมีสูตรอะไรมากมายเพราะทุกอย่างมี suppliers ส่งให้เรียบร้อย มีเงินเฉยๆก็เปิดร้านได้แล้ว Shipping ไทย-จีน คือขนส่งง่ายมากด้วย อุปกรณ์ตกแต่งจากจีนก็มีแบบสำเร็จ ไม่ต้องการ ฝีมือช่างไทยทำ การลงทุนมาเปิดร้านต่างๆในไทยเลยง่ายมากๆ

แต่หาก หาถึงปลายทางเงินได้จากธุรกิจ แน่นอนว่าหลงเหลือ(หมุนเวียน)ในประเทศน้อย การจดบริษัทในไทยของคนจีนก็ง่าย Visa L ก็จดได้เพียงแค่ต้องมีคนไทยถือหุ้นเยอะกว่าคนจีน

ไม่หนำซำ SME ไทยจะเจริญได้อย่างไรเพราะความเป็นพลเมืองต้องเสียภาษีเงินได้ภาษีธุรกิจ ให้ประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติแค่หา nominee ในการทำสัญญาเช่า ก็จบ ปลายทางเงินได้ส่วนใหญ่อยู่ประเทศของเขา

โพสนี้ต้องขอโทษลูกเพจในความไม่เหมาะสม ที่เป็นโพสแนว emotional แต่เจ้าของร้านไม่ใช่ KOL ที่มีคนตามเยอะมีแค่ช่องทางนี้ที่เป็นกระบอกเสียง

ตอนทำร้านนี้แรกๆเคยฝันใหญ่ไว้ว่า ทำไมต่างชาติมาเปิดร้านอาหารในไทยเยอะจัง ทำไมไม่ค่อยมีของไทยไปเปิดต่างชาติบ้าง เลยคิดว่า ถ้าค่อยๆเปิดร้านหม่าล่าชาบูแล้วเพิ่มซุปไทยไปทีละนิดๆ (แจ่วฮ้อนเอย,ต้มยำเอย) ถ้าเอาไปขายต่างประเทศและเอาเงินเข้าประเทศได้บ้างคงจะดี

(เพราะก่อนทำร้านเราทำงานประจำเป็น ตำแหน่ง exporter เราเองก็เคยส่งสินค้าอาหารไทยไปขายต่างประเทศ) มีร้านอื่นๆมากมายที่อร่อย เดินทางสะดวกค่ะ ที่พูดมาไม่ใช่ว่าร้านอาม่งดีที่สุดนะคะ มีอะไรอีกเยอะที่รู้ว่าควรปรับปรุง แต่สิ่งที่ควรปรับปรุงหลายๆอย่างต้องใช้เงินทุน เก็บรวบรวมคำติชมต่างๆเพื่อพัฒนาต่อไปค่ะ

แต่เรามองลูกค้าทุกท่านเป็นเหมือนคนในครอบครัว ที่กลับมาทานข้าวที่บ้าน ส่วนใหญ่เราจะจำลูกค้าได้

ขอบคุณพื้นที่ให้ระบายค่ะ”

“ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” มอบคำขวัญวันเด็ก ปี 66 “เรียนอย่าแบด แซดอย่าบ่อย”

“นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ส่งมอบคำขวัญวันเด็ก ปี 2566 แบบชาวร็อกว่า “เรียนอย่าแบด แซดอย่าบ่อย สู้อย่าถอย ค่อย ๆ สร้างพลังใจ” ปลุกใจวัยรุ่นฟันน้ำนม คนรุ่นใหม่อนาคตของชาติ 

เมื่อวันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2566 หลังจากที่ “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสร็จสิ้นการประชุมสภากรุงเทพมหานคร ณ อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.2 ได้ประกาศมอบ คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 อย่างเป็นทางการเป็นประโยคว่า “เรียนอย่าแบด แซดอย่าบ่อย สู้อย่าถอย ค่อยๆ สร้างพลังใจ” โดยมีความหมายแต่ละประโยคดังนี้

เรียนอย่าแบด “เรียนอย่าแบด” สื่อถึงการตั้งใจเรียน เรียนให้สนุก ให้รู้จริง แต่อย่าไปเครียดกับการเรียนจนต้องได้ที่ 1 อย่างเดียว แค่เรียนไม่แย่ก็พอ

แซดอย่าบ่อย “แซดอย่าบ่อย” หมายถึง ทุกข็ใจเศร้าได้ ผิดหวังได้ แต่อย่าเยอะเกินไป ให้ลองพยายามมองโลกในแง่บวก

สู้อย่าถอย ประโยคคำว่า “สู้อย่าถอย” คือการค่อย ๆ สู้ สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างไม่เป็นไร พยายามค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์ เพื่อความสำเร็จในวันหน้า

ค่อย ๆ สร้างกำลังใจ สำหรับประโยคว่า “ค่อย ๆ สร้างพลังใจ” หมายถึง กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญในการทำทุกอย่าง นั่นเองครับ

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยังได้กล่าวต่ออีกว่า อยากให้น้อง ๆ มีพลังใจที่เข้มแข็ง กทม.พร้อมสนับสนุนทุกด้าน ให้เด็กๆ ก้าวต่อไป เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต.

ไม่ควรแล่อยให้มีก๊อปปี้โชว์แบบนี้นะคะ เสื่อมเสียชื่อเสียงเฮียค่ะจัดให้หนักเลย”, “จัดให้หนักคะเสียภาพพจน์คุณเสกหมดเลยคะ ให้ก๊อปปี้แล้วทำแบบนี้อีกแย่มาก”, “ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย เห็นด้วยเลยค่ะ”, “จัดไปเลยค่ะพี่กาน”, “แชทไปนะตะ”, ฯลฯ

Credit : ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ